วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

Perform ดนตรี การแสดง + POP ความนิยม การตลาด






          มีศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่าง บียอนเซ่, บริทย์นี สเปียร์, เลดี้ กาก้า, คริสติน่า อากีเลร่า, แบล็ค อายด์ พีส์, จัสติน ทิมเบอร์เลค






ส่วนเทรนป็อปอื่นเช่นแนว ป็อป-พังค์ อย่างวง ซิมเปิ้ล แพลน, เอฟริล ลาวีน






 รวมถึงการเกิดรายการสุดฮิต อเมริกัน ไอดอลที่สร้างศิลปินอย่าง เคลลี่ คลาร์กสัน และ เคลย์ ไอเคน






          มีลักษณะเพลงป็อปที่เพิ่มความเป็นอาร์แอนด์บีมากขึ้นอย่าง เนลลี เฟอร์ตาโดริฮานนาจัสติน ทิมเบอร์เลค เป็นต้น




Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://th.wikipedia.org/wiki/ป็อป


Creative Commons License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

1990's





          เริ่มได้อิทธิพลจากเพลงแนวอาร์แอนด์บี เช่น มารายห์ แครี, เดสทินี ไชลด์, บอยซ์ ทู เม็น, เอ็น โวค, ทีแอลซี






ในยุคนี้ยังมีวงบอยแบนด์ที่ได้รับความนิยมอย่าง นิว คิดส์ ออน เดอะ บล็อก, เทค แดท, แบ็คสตรีท บอยส์



Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://th.wikipedia.org/wiki/ป็อป


Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

1980's





          มีศิลปินป็อปที่ได้รับความนิยมอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน, มาดอนน่า, ทิฟฟานี, เจเน็ท แจ็คสัน‎, ฟิล คอลลินส์, แวม! ลักษณะดนตรีจะมีการใส่ดนตรีสังเคราะห์เข้าไป เพลงในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเต้นรำและยังมีอิทธิพลถึงทางด้านแฟชั่นด้วย




Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://th.wikipedia.org/wiki/ป็อป


Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

1970's





       เป็นยุคของดนตรีดิสโก้ มีศิลปินอย่าง แอบบ้า, บีจีส์ 




และยังมีดนตรีประเภทคันทรีที่ได้รับความนิยมอย่าง ดิ อีเกิลส์ 






หรือดนตรีป็อปที่ได้รับอิทธิพลจากร็อกอย่าง เดอะ คาร์เพ็นเทอร์ส, ร็อด สจ๊วต, คาร์ลี ไซมอน, แฌร์ เป็นต้น





Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://th.wikipedia.org/wiki/ป็อป

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

Woodstock Music & Art Fair



                จัดขึ้นที่ไร่ของแมกซ์ ยาสเกอร์ ที่มีพื้นที่ 600 เอเคอร์ (2.4 ตร.กม.) ใกล้กับหมู่บ้านในไวต์เลก ที่เมืองเบเธล นิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 15-18 สิงหาคม ค.ศ. 1969 ในช่วงวันสุดสัปดาห์ที่จัดมีฝนตกบ้างบางครั้ง มีการแสดงภายนอกถึง 32 ศิลปิน ต่อหน้าคนดูกว่า 300,000 คน และมีการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น 1 ในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นแกนหมุนในประวัติศาสตร์ดนตรี และติดอยู่ในอันดับ ใน 50 อันดับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ร็อกแอนด์โรล ของนิตยสารโรลลิงสโตน

                เหตุการณ์นี้มีบันทึกไว้ในภาพยนตร์สารคดีในปี ค.ศ. 1970 เรื่อง Woodstock ซึ่งภาพยนตร์ประสบความสำเร็จดี มีเพลงประกอบภาพยนตร์ เพลงของโจนี มิตเชลล์ ที่ชื่อ "Woodstock" ที่เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์และกลายเป็นเพลงฮิตของ ครอสบี, สติลส์, แนช แอนด์ ยัง

                ชื่อของงานมาจากชื่อเมืองวูดสต็อก รัฐนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างออกไป 69 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาด้านศิลปะมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นที่พักอาศัยของศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น บ็อบ ไดแลน จอห์นนี แคช จิมิ เฮนดริกซ์



Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://th.wikipedia.org/wiki/เทศกาลวูดสต็อก

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

John Lennon - Imagine


Imagine


          เป็นเพลงที่เขียนและร้องโดยนักดนตรีร็อกชาวอังกฤษ จอห์น เลนนอน เป็นเพลงเปิดตัวในอัลบั้มของเขาชุด Imagine ออกในปี 1971 หลังจากการแตกของวง เดอะบีเทิลส์

          เพลง "อิแมจิน" ออกเป็นซิงเกิ้ลในสหรัฐอเมริกา ติดอันดับ 3 บนบิลบอร์ดฮอต 100 เป็นซิงเกิ้ลอันดับ 1 ซิงเกิ้ลเดียวของซิงเกิ้ลหลังที่อยู่กับวงเดอะบีตเทิลส์ในชาร์ตออสเตรเลีย ติดอันดับ 1 นาน 5 สัปดาห์ เพลงนี้ยังเป็น 1 ใน 3 เพลงของเลนนอนในฐานะศิลปินเดี่ยว ร่วมกับเพลง "Instant Karma!" และ "Give Peace a Chance" ที่อยู่ในรายชื่อ 500 เพลงที่มีอิทธิพลของร็อกแอนด์โรล ในหอเกียรติยศร็อกแอนด์โรล นิตยสารโรลลิงสโตนยังจัดให้อยู่อันดับ 3 ของเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ใน 500 อันดับเพลง


ในเพลง


          เพลงอิแมจิน ของจอห์น เลนนอน นั้นมีโครงสร้างเพลงที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเป็นเพลงสั้นๆที่ได้ใจความ ไม่มีลูกเล่นอะไรมากมาย เพลงนี้ จอห์นกับภรรยา โยโก ได้ร่วมแสดง ใน มิวสิก วิดีโอด้วย โดยที่ตอนแรก จอห์น เลนนอนเดินเคียงคู่กับโยโก มาที่บ้านหลังหนึ่ง ต่อจากนั้นจอห์นเล่นเปียโน พร้อมกับร้องเพลง ส่วนโยโก ไม่ได้ร้อง แต่เป็นคนเปิดผ้าม่านในห้องมืดๆ ซึ่งหมายถึง การเปิดผ้าม่านเพื่อให้ห้องได้รับแสงสว่างในยามเช้า คอนเซปของเพลงนั้น คือ เพื่อให้โลกได้รับรู้ว่าทุกคนมีความฝัน คนเรานั้นไม่ใช่ว่าจะมีความฝันแล้วจะไม่เป็นความจริงเสมอ เปรียบเหมือนห้องมืดๆที่ซึ่ง ดูแล้วเหมือนคนไม่มีจินตนาการไม่มีความฝันเอาเสียเลย แต่เมื่อลองเปิดตาสู่โลกกว้างก็จะสามารถ ทำให้เรามีจินตนาการการได้ เพราะจินตนาการเกิดจากการสั่งเกตุจากสิ่งรอบๆตัว ก็เปรียบเหมือนห้องที่สว่าง ไม่ยอมให้ความมืดเขาครอบงำ


          นอกจากนี้เพลง อิแมจิน เป็นหนึ่งในเพลง ปิดพิธีโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงาน ที่มีเด็กพิการออทิสติกมาร่วมร้องบรรเลง เพลงนี้รวมถึง ชาวอังกฤษและนักกีฬาโอลิมปิกในสนาม ที่อยู่ในสนามต่างช่วยกันร้องเพลงนี้จนดังกึกก้องสนามโอลิมปิก


Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from  http://th.wikipedia.org/wiki/อิแมจิน_(เพลง)




Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.

Hippies ดนตรี ศิลปะ + Peace เสรีภาพ สันติสุข


          ต้องเข้าใจก่อนว่า อเมริกาช่วง 1946-1964 เป็นยุคของ เบบี้บูม ก่อนการมาถึง ของ ฮิบปี้ อันว่า เบบี้บูม นี้ คือยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่ง อเมริกา ถือว่าตัวเองเป็นผู้ชนะสงคราม เ้ป็นผู้นำโลกเสรี

          ผู้คนในประเทศอยู่ในบรรยากาศเฉลิมฉลอง มีความสุข การแต่งงาน มีลูก มีงาน มีรถ มีบ้าน กับ ลูกหมา อีก 1 ตัว ในลักษณะสูตรสำเร็จที่เรียกกันว่า American dream จึงแพร่กระจายไปทั่ว


       ฉะนั้น ฮิบปี้ ก็คือลูกๆ หรือผลผลิตของ เบบี้บูม นั้นเอง เมื่อเศรษฐกิจ ตกต่ำ สถาบันของรัฐสั่นคลอนด้วยวิกฤติศรัทธาในคดีวอเตอร์เกต อเมริกาเข้าไปยุ่งในสงครามที่ตัวเองเคยเป็นผู้ชนะและภูมิใจ  แต่สมรภูมิใหม่ คือ เวียดนาม ซึ่งสังเวยให้กับ สงครามเย็นนั้น  มีแต่รายชื่อทหารลูกชาวบ้าน เสียชีวิตรายวัน

       ว่ากันว่า ใครมีลูกชาย ในครอบครัวอเมริกัน ใครคนหนึ่งต้องตายไป เพราะสงครามเวียดนาม  ความจริงปรากฎว่า อเมริกันผู้เคยอหังการ์ กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับประเทศเล็กๆ

       สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิด “ขบวนการบุปผาชน” ที่แพร่หลายไปทั่วโลก



       ยุคของพวกเขา คือ กลางยุค 60 คาบเกี่ยวถึง 70   Hippie นั้นแผลงมาจาก คำว่า Hip ที่แปลว่า เท่, เจ๋ง, เก๋า ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะที่นักดนตรีแจ๊ซผิวดำนิยมใช้ในยุค 1940
       
       พวกเขาใช้คำๆ นี้ เพื่อเผยแพร่ปรัชญาความรักและสันติภาพ (ซึ่งต้องพี้กัญชาด้วย) ประกาศวิถีชีวิตใหม่ “Peace, love and dope” เกิดเป็น ‘Flower People’ หรือ ‘บุปผาชน’ พร้อมสโลแกนที่ว่า Make Love, not War




          สำหรับเรื่องดนตรี The Beatles เป็นผู้นำขบวน ด้วยอัลบั้ม  "Sgt Pepper's Lonely Hearts Club Band" ในยุคนี้มีชื่อเรียกกันว่า “The British Invasion”  หมายถึงขบวนวงดนตรีจากอังกฤษ ที่พิชิตอเมริกาอย่างราบคาบ ซึ่งประกอบด้วยวง The Rolling Stones, The Who, The Kinks, The Animals, The Moody Blues





          แต่อเมริกาก็ยึดคืนมาบ้าง โดยวงดนตรีจากแคลิฟอร์เนีย อย่าง Jefferson Airplane, Grateful Dead ซึ่งมาในรูปแบบPsychedelic (ดนตรีที่เกิดจากการเมากัญชาและ LSD ศิลปะลวดลายฉวัดเฉวียนสีแสบตาไม่มีรูปแบบ)

          และต่อมาก็เกิดเป็นเทศกาลดนตรีของคนยุคนั้น ในระดับ 'ปรากฎการณ์' ที่เรียกกันว่า Woodstock (1969) ซึ่งเกิดขึ้นในโลก เพียงครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น



Online. (n.d.). Retrieved Sep 18, 2013, from http://men.postjung.com/698708.html

Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution 3.0 Unported License.